หาแรงบันดาลใจ ยังไง เวลาคิดไม่ออก?

คนนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ มีกระดาษที่ขยำอยู่เต็มไปหมด มีคอมพิวเตอร์วางอยู่บนโต๊ะ และเขากำลังเขียนงาน

ก่อนจะเริ่ม หาแรงบันดาลใจ ผมมีคำถามมาถามทุกคน ว่าเคยเป็นแบบนี้กันบ้างไหม

นั่งสตั้น จ้องกระดาษ จ้องหน้าคอม แต่คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำอะไรต่อ deadline ***ก็ใกล้เข้ามาทุกที สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ เอาไงดี***

อาการที่กล่าวมาข้างต้นเชื่อว่าหลายๆคนรวมถึงตัวผมเองก็เคยเจอ ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ตาม และยิ่งมาทำงานสาย creative ยิ่งแล้วใหญ่ เจอบ่อยกว่าเดิม ฮา….

แต่ปัญหาเหล่านี้รู้ไหมว่ามันแก้ได้ง่ายนิดเดียว ไม่สิ ต้องบอกว่าถ้ารู้วิธี มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด แต่เนื่องจากบางทีเราไม่รู้วิธีมันเลยดูยากครับ และแน่นอนวันนี้เราจะมาคุยกันถึงวิธีการที่จะจัดการปัญหานี้กันครับ

จริงๆ แล้ว... อาการแบบนี้มีชื่อเรียกว่า “หมดแรงบันดาลใจ

โดยอาการที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมด เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนครับ ว่าสิ่งนี้คืออาการที่เรียกว่า หมดแรงบันดาลใจ หลายคนคงคิดในใจ ชั้นไม่ได้อยากรู้หรอกมันเรียกว่าอะไร แต่ชั้นอยากรู้ว่ามันแก้ยังไงต่างหาก!!

ผมอยากจะบอกว่าให้ใจเย็นๆก่อนครับ ทำไมเราต้องรู้ลล่ะว่ามันเรียกว่าอะไร ให้เราลองนึกภาพตามว่าเราไปหาหมอครับ เรามักจะอธิบายอาการต่างๆให้หมอฟังใช่ไหมครับ และหมอมักจะบอกเราใช่ไหมครับว่าอาการที่เราเป็นเรียกว่าอะไร ไข้หวัด เบาหวาน ท้องเสีย แล้วเราก็จะรู้ว่าเราจะระวัง ป้องกัน แก้ไขมันยังไง ถูกไหมครับ มันก็ทรงเดียวกันเลยครับ

โอเคหลังจากที่เราอธิบายอาการกันไปแล้ว และเรารู้แล้วว่าสิ่งนี้มันคือโรคอะไร ทีนี้เราก็จะมาดูกันว่า อะไรกันนะ ที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ เพื่อเราจะได้มาป้องกัน และไม่หมดแรงบันดาลใจอีกต่อไป พอเราหมดแรงบันดาลใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ อาการต่างๆที่เรากล่าวมาข้างต้นมันก็จะหมดไปครับผม

ก่อนจะ หาแรงบันดาลใจ มาหาสาเหตุที่ทำให้เราหมดแรงบันดาลใจกันก่อน

ก่อนที่เราจะไปหาแรงบันดาลใจ มาครับ มาดูกันก่อนว่าพอจะมีสาเหตุอะไรบ้างนะ ที่ทำให้เราหมดแรงบันดาลใจ ลองนึกภาพดูนะครับ ถ้าหากเราเติมน้ำมันลงในถังที่รั่วจะเกิดอะไรขึ้นครับ

สาเหตุหลักๆที่ทำให้เราหมดแรงบันดาลใจมีดังต่อไปนี้ครับ

  • ทำงานต่อเนื่องโดยไม่พัก

  • ตั้งเป้าหมายสูงเกินไป

  • คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป

  • เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

  • อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

ลองเช็คตัวเองสิครับ ว่าคุณมีกี่ข้อในนี้นะ ส่วนตัวผมเคยมีครบเลยครับ 5 ข้อ ฮา มิน่าล่ะทำอะไรก็ตาม ผมหมดกำลังใจตลอดเลย แต่โชคดีที่ผมมาค้นพบและเข้าใจมัน ผมเลยปิดรอยรั่วไปได้บ้าง และหวังว่าพวกคุณทุกคนจะทำได้แบบเดียวกับผมในไม่ช้าครับ

ยังครับ ยังไม่ต้องกังวลใจไป ผมยังไม่ทิ้งไปไหน เดี๋ยวผมพาไปดูวิธีแก้กัน ฮ่าๆ

1. ทำงานต่อเนื่องโดยไม่พัก

ทำงานไปเงยหน้ามาอีกที เอ้าจะเลิกงานแล้วหรือเนี่ย เริ่มหิวแล้วสิ เอ๋ ไปฉี่ก่อนดีกว่า อั้นแทบไม่อยู่เลย ไปก่อน อ๊ากกก

โอเค เรียบร้อยผมกลับมาละ ค่อยยังชั่ว ใครเคยเป็นแบบนี้คงเข้าใจที่ผมพูดใช่มะ งานมันตึงเครียดจริงๆ นี่แหละครับ สาเหตุหลักข้อแรกที่ทำให้เราหมดแรงบันดาลใจ ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม

 

💡 วิธีแก้:

ให้ลองใช้ตัวช่วยอย่าง pomodoro ดูครับ ส่วนตัวผมใช้แล้วดีมากๆเลยครับ มันเป็นสูตรการทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที ซึ่งงานวิจัยบอกว่าเราจะทำงานได้ดีกว่าเดิมด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตอนแรกผมก็คิดว่าลุกไปแล้วมันไม่ต่อเนื่อง และถ้าใครสนใจลองทักถาม GPT ดูครับว่ามันคืออะไรจะได้เข้าใจมากขึ้นครับ

แรงบันดาลใจชอบคนว่าง ไม่ชอบคนวุ่น

2. ตั้งเป้าหมายสูงเกินไป

อินโฟกราฟิกผู้ชายชี้นิ้วขึ้น มีภาพร้านค้าในกรอบความคิด พร้อมลำดับขั้นการฝึกทำอาหาร 3 เมนู 6 เมนู และ 12 เมนู เพื่อให้เป้าหมายใหญ่สำเร็จ และไม่เสียแรงบันดาลใจ

อ่านหนังสือมาเขาบอกว่าเป้าหมายต้องใหญ่ ถ้าเป้าหมายเล็กเราจะไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งให้ใหญ่เข้าไว้ แล้วคุณจะพบกับความมหัศจรรย์ ….

เอิ่ม มันก็ใช่แหละครับ ก็ใช่แหละ เพราะหลายคนที่ประสบความสำเร็จเขาก็พูดแบบนั้นนะ แต่ไม่รู้อะ ผมทำแล้วมันไม่เวิร์คเท่าไหร่ อาจจะเพราะผมยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเขาก็ได้นะ แต่ผมจะแชร์สิ่งที่ผมทำแล้วชีวิตมันดีขึ้นดีกว่าครับ เผื่อใครมีอาการเดียวกัน ทำตามเขาแล้วไม่ไปไหนสักที

💡 วิธีแก้:

ให้เราเริ่มจากตั้งเป้าหมายเล็กๆแล้วเคลียร์มันไปทีละตัว เช่น เราอยากจะเปิดร้านอาหาร แต่เรายังทำอาหารไม่เป็น ให้เราเริ่มจากตั้งเป้าว่าเราจะทำอาทิตย์ละ 1 เมนู พอผ่านไป 3 เดือนเราจะทำเป็น 12 เมนู ซึ่งก็เพียงพอกับการเปิดร้านเล็กๆแล้วครับ

ลดเป้า ไม่ใช่เพื่อล้มเลิก แต่เพื่อเดินไปได้จริง

3. คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป

ทำเต็มที่แล้ว ไม่เห็นอะไรสักที สงสัยไม่เวิร์คแล้วแหละ ท้อ เลิกดีกว่า เป็นสูตรสำเร็จที่ทุกๆคนน่าจะเคยประสบพบเจอกันมาใช่ม้า

💡 วิธีแก้:
ยอมรับว่า “งานดี” ใช้เวลา และระหว่างรอผลลัพธ์ เราสามารถ โฟกัสที่กระบวนการแทน
เช่น แทนที่จะคิดว่า “เมื่อไหร่จะมีคนฟังเยอะๆ” → เปลี่ยนเป็น “วันนี้จะลองแต่งให้จบอีก 1 เพลง”
เราควบคุมผลลัพธ์ไม่ได้ แต่ควบคุมการกระทำได้

คิดแบบคนวิ่งมาราธอน ไม่ใช่นักวิ่งร้อยเมตร

4. เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

ทำไมเราไม่ดีเหมือนเขานะ เอ๋ เราก็ทำเหมือนกันแล้วนะ ผลลัพธ์ไม่เห็นได้เลยอะ ว่าแต่ทำเขาดวงดีจังนะทำอะไรก็ขึ้น บ้านตรงข้ามนั่นก็โชคดีเกิดมาพร้อมกองเงินกองทอง แค่จะทำอะไรแม่ก็ซื้ออุปกรณ์ให้นำคนอื่นไปแล้ว

คำถามต่อมาคือ เราทำแบบนี้แล้วเราได้อะไรบ้างครับ ได้ความทุกข์ ได้ความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้ความสำเร็จเลยถูกไหมครับ โอเคแหละโลกนี้มันไม่แฟร์หรอกครับ เหมือนที่ Bill Gates บอกไว้

💡 วิธีแก้:
จำไว้ว่าเรามักเปรียบเทียบ “เวอร์ชันดีที่สุดของคนอื่น” กับ “เวอร์ชันไม่มั่นใจของตัวเอง”
เปลี่ยน mindset เป็น “เปรียบเทียบตัวเองกับตัวเองเมื่อวาน”
หรือถ้าจะมองคนอื่น → เอาไว้ดูเพื่อศึกษา ไม่ใช่เพื่อกดตัวเอง

ทุกคนมีจังหวะเวลาเป็นของตัวเอง อย่าเร่งจังหวะเพราะเห็นคนอื่นวิ่งเร็ว

5. อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

เคยไปยืนริมทะเลแล้วฟังเสียงคลื่น สูดอากาศสดชื่นเต็มปอด หันไปมองสาวใส่บิกินี่ริมชายหาดแล้วหัวใจกระชุ่มกระชวยไหมครับ แถมในใจก็คิดว่าถ้าได้ทำงานอยู่ตรงนี้ทั้งวัน ทุกวัน ก็ทำได้ แล้วทำไมเราไม่ลองเปลี่ยนดูล่ะ โอเคครับสำหรับคนที่ WFH ได้อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน แล้วเรารู้สึกทุกข์มากๆ อาจจะต้องลองเปลี่ยนอะไรสักอย่างแล้วล่ะ อาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานทันที เพราะบางทีมันก็เสี่ยงเนอะ 💡 วิธีแก้:
ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เช่น ไปทำงานนอกบ้าน 1 วัน / เปิดเพลงแนวใหม่ / จัดโต๊ะใหม่ / เดินเล่นตอนเย็น
บ่อยครั้งแรงบันดาลใจไม่ได้ตาย มันแค่เบื่อของเดิม ๆ หากนึกภาพไม่ออกผมแนบลิ้งค์แรงบันดาลใจการจัดโต๊ะทำงานให้ดูเล่นๆแล้วครับ ส่วนตัวผมก็ชอบดูเพราะมีความสุขดีครับ
บางทีการเปลี่ยนแค่ “มุมมอง” ก็เปลี่ยน “ความคิด” ได้ทั้งวัน

📝 สรุปบทความ:

หาแรงบันดาลใจยังไง เวลาคิดไม่ออก?

บทความนี้พูดถึงอาการที่หลายคนเคยเจอ โดยเฉพาะในสายงานครีเอทีฟ เช่น นักแต่งเพลง นักเขียน หรือใครก็ตามที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แล้ววันหนึ่งก็เกิดภาวะ “ตัน” ขึ้นมาดื้อ ๆ

ผู้เขียนอธิบายว่าจริง ๆ แล้วอาการแบบนี้คือ “หมดแรงบันดาลใจ” (Creative Block) และเน้นให้เข้าใจว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไรบ้าง ก่อนจะพาไปหาวิธีแก้ในแต่ละข้ออย่างละเอียด

✅ สาเหตุหลักที่ทำให้หมดแรงบันดาลใจ:

  • ทำงานต่อเนื่องโดยไม่พัก

  • ตั้งเป้าหมายสูงเกินไป

  • คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป

  • เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

  • อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

✅ วิธีแก้ที่แนะนำ:

  • ใช้เทคนิค Pomodoro หรือจัดเวลาพักให้เป็น

  • ย่อเป้าหมายให้เล็กลง เพื่อค่อย ๆ สะสมความสำเร็จ

  • เปลี่ยนจากการโฟกัสผลลัพธ์ มาใส่ใจกับกระบวนการ

  • เปรียบเทียบตัวเองกับ “ตัวเองเมื่อวาน” แทนที่จะเทียบกับคนอื่น

  • เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัว เพื่อให้สมองตื่นตัวและไอเดียไหล

และหากใครสนใจพวกเรื่อง Productive แบบนี้ สามารถอ่านเรื่องของการนอนให้เพียงพอเพิ่มเติมได้ครับ อันนี้ผมก็แนะนำ เพราะมันก็เป็นส่วนนึงในการที่จะทำให้เรามีแรงบันดาลใจ